สารบัญเนื้อหา
- 1 คลินิกทำนม เสริมนม (Breast Surgery) เสริมหน้าอกสวยอย่างถูกวิธี โดย หมอพีระ (Dr.Peera) PSC Clinic
- 1.1 ประเภทของการเสริมหน้าอก
- 1.1.1 1. การเสริมเต้านมโดยใช้ถุงเต้านมเทียม (Breast implant)
- 1.1.2 2. การเสริมเต้านมโดยใช้ถุงเต้านมเทียมร่วมกับการฉีดไขมันตนเอง ( Hybrid breast augmentation )
- 1.1.3 3. การเสริมเต้านมโดยการฉีดไขมันตนเองเพียงอย่างเดียว ร่วมกับการทำสเต็มเซล Fat transfer breast augmentation หรือ Cell Assisted Lipoplasty – CAL
- 1.2 รวมภาพตัวอย่างและชนิดของซิลิโคน รูปแบบต่างๆ ที่ใช้ในการเสริมหน้าอกในปัจจุบัน
- 1.3 เทคนิคการการวางซิลิโคนเพื่อเสริมหน้าอก ( ฉบับอัพเดทล่าสุด 2023 )
- 1.4 เทคนิคเสริมที่ใช้ในการเสริมหน้าอก
- 1.5 แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกแต่ละแบบ ของการทำนม
- 1.6 7 ขั้นตอนการเตรียมตัวทำนม (เบื้องต้น) เพื่อเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก ที่ PSC Clinic
- 1.7 ห้องผ่าตัดเสริมหน้าอก ปลอดเชื้อ (Positive Pressure) รพ.พระราม9 และตัวอย่างบรรยากาศห้องพักฟื้น
- 1.8 เคล็ดการเตรียมตัว ก่อน-หลัง ผ่าตัดเสริมหน้าอก อย่างถูกวิธี
- 1.9 การผ่าตัดแก้ไขเสริมหน้าอก
- 1.10 ตัวอย่างเคสเสริมหน้าอก รีวิวเคสทำนม PSC Clinic
- 1.11 คำถามที่มักพบบ่อย FAQ.
- 1.12 ประวัติและผลงานของแพทย์เฉพาะทาง PSC Clinic
- 1.1 ประเภทของการเสริมหน้าอก
คลินิกทำนม เสริมนม (Breast Surgery) เสริมหน้าอกสวยอย่างถูกวิธี โดย หมอพีระ (Dr.Peera) PSC Clinic
เสริมหน้าอก (Breast Augmentation) เป็นการผ่าตัดที่มีความนิยมมากทั่วโลก การเสริมหน้าอก ทำนม นั้นมีวิวัฒนาการมาโดยตลอด ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าด้วยวัสดุเสริมหน้าอกรุ่นใหม่ และเทคนิคการผ่าตัดที่ดีขึ้นมาก การควบคุมสภาวะปลอดเชื้อและห้องผ่าตัด ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีผลแทรกซ้อนต่ำมาก

PSCClinic คลินิกเสริมนม ทำนม เสริมหน้าอก มั่นใจปลอดภัยอย่างถูกวิธี โดยแพทย์เฉพาะทาง อาจารย์ นพ.พีระ เทียนไพฑูรย์ ที่ PSC_Plastic Surgery Center Thailand ทำนมสวย
ประเภทของการเสริมหน้าอก
เทคนิกทางด้านผ่าตัดศัลยกรรมเต้านม (เสริมหน้าอก) ในปัจจุบันมีการเสริมเต้านมหลากหลายวิธี สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ดังนี้

1. การเสริมเต้านมโดยใช้ถุงเต้านมเทียม (Breast implant)
วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบัน มีข้อดี คือ ได้ผลดี และค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
2. การเสริมเต้านมโดยใช้ถุงเต้านมเทียมร่วมกับการฉีดไขมันตนเอง ( Hybrid breast augmentation )
ข้อดีของวิธีการนี้ คือ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเนินอกแห้ง และมีไขมันส่วนเกินที่ส่วนอื่น ของร่างกาย
แต่วิธีการนี้ก็มีข้อเสียอยู่บ้างนั่นคือ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น การยุบตัวของไขมันที่อาจต่างกัน และการถ่ายเอกซเรย์ตรวจเต้านมอาจทำได้ยากมากขึ้น
3. การเสริมเต้านมโดยการฉีดไขมันตนเองเพียงอย่างเดียว ร่วมกับการทำสเต็มเซล Fat transfer breast augmentation หรือ Cell Assisted Lipoplasty – CAL
ข้อดีของการเสริมเต้านมโดยการฉีดไขมันตัวเอง ก็คือ เป็นเนื้อเยื่อตนเอง แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องขนาดที่ได้รับและค่าใช้จ่ายสูง
รวมภาพตัวอย่างและชนิดของซิลิโคน รูปแบบต่างๆ ที่ใช้ในการเสริมหน้าอกในปัจจุบัน
ชนิดของซิลิโคนจะแบ่งได้เป็น ชนิดถุงซิลิโคนเจล และ ถุงน้ำเกลือ ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้ถุงซิลิโคนเจล เพราะมีความปลอดภัยสูงและสัมผัสเหมือนเต้านมจริงมากกว่า





เทคนิคการการวางซิลิโคนเพื่อเสริมหน้าอก ( ฉบับอัพเดทล่าสุด 2023 )
เมื่อมาดู วิวัฒนาการ การเสริมหน้าอก เริ่มจากการเสริมเหนือกล้ามเนื้อ ( ราว 60 ปีก่อน) มาเป็น การเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ แบบ Dual plane ( 30 ปีก่อน)
ปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ! เกิดขึ้นเมื่อเราสามารถพัฒนาเทคนิค MSMS (2018)…
โดย อจ.พีระ ได้นำเสนอเทคนิคนี้ ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ ISAPS world 2020
เทคนิคการวางซิลโคนที่อาจารย์พีระนำเสนอในงานประชุมนานาชาติวิธีนึ้ มีข้อเด่น 3 อย่าง ได้แก่
- ไม่ตัดกล้ามเนื้อจนขาดออกจากตำแหน่งยึดเกาะ เพื่อป้องกันปัญหาซิลิโคนขยับกระตุกเวลาออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อ (Prevent animation)
- เพิ่มความแข็งแรง แนวฐานอก ป้องกันการหย่อนตัว ด้วยการเสริมชั้นกล้ามเนื้อ อีกชั้นหนึ่ง รองรับน้ำหนักของซิลิโคน (Strong support)
- หน้าอกเคลื่อนไหวดี นิ่มเร็วขึ้น ( Good motion)

เทคนิคเสริมที่ใช้ในการเสริมหน้าอก
1. การใช้กรวย ( Funnel ) หรือ (Sleeve)

2. การส่องกล้องรักแร้ ( ใช้กับแผลรักแร้ เพราะแผลราวนม สามารถมองเห็นโดยตรงอยู่แล้ว )

แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกแต่ละแบบ ของการทำนม
แผลผ่าตัดเสริมหน้าอก โดยมากแล้วจะมีอยู่ 3 ตำแหน่ง ได้แก่ รักแร้, ปานนม และ ฐานหน้าอก ในแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสีย จุดเด่นแตกต่างกันไป ดังนี้

1.) แผลที่รักแร้ โดยวิธีปัจจุบันมี 2 วิธีในการผ่าตัด ได้แก่
1.1) การผ่าตัดทางรักแร้แบบเดิม เจ็บกว่าวิธีอื่น และโอกาสเกิดพังผืดสูงกว่าแบบอื่น
1.2) การผ่าตัดส่องกล้องทางรักแร้ (Transaxillary Endoscopic-Assisted) เจ็บน้อย เกิดผังผืดน้อย และฟื้นตัวเร็วขึ้น
แผลรักแร้เหมาะกับใคร ?
แผลรักแร้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อนแผลไว้ที่รักแร้ และลักษณะเต้านมเหมาะสมกับซิลิโคนที่เลือก โดยไม่ได้ต้องการการแก้ไขโครงสร้างเต้านมมากเกินไปนัก
2. แผลรอบปานนม (ความเสี่ยงเกิดพังผืดสูงสุด)
การทำนมแนวแผลจุดนี้ไม่ได้รับความนิยม เพราะความเสี่ยงเกิดพังผืดสูงสุด ( ผลจากงานวิจัย ) จากการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียจากท่อน้ำนม
3.) แผลราวนม ได้รับความนิยมมาก เพราะ เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว พังผืดน้อย และแก้ไขโครงสร้างเต้านมได้ดี
แผลราวนมเหมาะกับใคร ?
แผลตำแหน่งราวนมเหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นตัวเร็ว หรือ ต้องแก้ไขรูปทรงหน้าอกมาก และสามารถดูแลแผลหลังผ่าตัดได้ดี
7 ขั้นตอนการเตรียมตัวทำนม (เบื้องต้น) เพื่อเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก ที่ PSC Clinic

ห้องผ่าตัดเสริมหน้าอก ปลอดเชื้อ (Positive Pressure) รพ.พระราม9 และตัวอย่างบรรยากาศห้องพักฟื้น


เคล็ดการเตรียมตัว ก่อน-หลัง ผ่าตัดเสริมหน้าอก อย่างถูกวิธี
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอก
- งดยาหรืออาหารเสริมอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดยาในกลุ่ม Aspirin หรือชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด หรือ ยาแก้ปวดบางประเภท อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดยาในกลุ่ม Isotretinoin หรือ Acnotin ที่ใช้เกี่ยวกับการรักษาสิว ชนิดรับประทาน อย่างน้อย 1 –2 สัปดาห์
- พักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงสถานที่ที่อาจทำให้เกิดไข้หวัด
- ทำความสะอาดร่างกายให้พร้อมก่อนคืนผ่าตัด
- งดอาหารหลังเที่ยงคืน ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก
- ห้ามขับรถ ห้ามยกของหนัก พักการใช้แขนและงดการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าอก 1 สัปดาห์์ และระมัดระวังในช่วง 3 สัปดาห์ถึง 1 เดือนแรก
- ท่านอน สามารถนอนหงาย หรือตะแคงได้ ห้ามนอนคว่ำ
- นัดตรวจและตัดไหม 7 วัน และนัดพบแพทย์อีก 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี หลังจากนั้น ปีละครั้ง
- อาหาร ทานปกติได้ทุกชนิด
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์
- แนะนำให้ใส่บราเพื่อ support หน้าอกหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์
การผ่าตัดแก้ไขเสริมหน้าอก
การผ่าตัดแก้ไขเสริมหน้าอก ปัญหาของการเสริมหน้าอก ที่พบบ่อย คือ พังผืด รูปทรงไม่เท่ากัน อกห่างมากเกินไป แผลนูน ซึ่งสามารถป้องกันได้และลดความเสี่ยงที่จะเกิดให้ต่ำมากที่สุด โดยศัลยแพทย์ต้องเข้าใจถึงสาเหตุการเกิดของภาวะต่างๆ เช่น
พังผืดหลังเสริมหน้าอก สาเหตุที่สำคัญ คือ อักเสบเรื้อรังที่เกิดจากการผ่าตัด เลือดคั่ง หรือการติดเชื้อ จึงต้องป้องกันปัญหานี้ตั้งแต่ต้น โดยใช้เทคนิคผ่าตัดที่ถูกต้อง ควบคุมสภาพแวดล้อมขณะผ่าตัด มีความปลอดเชื้อ
ภาวะหน้าอกหย่อน ( Bottoming out) เกิดจาก การผ่าตัดเซาะฐานอกต่ำเกินไป หรือไม่มีการเพิ่มการรองรับน้ำหนักซิลิโคนในการผ่าตัด ป้องกันโดยการตรึงฐานอกให้แข็งแรง รวมถึงเทคนิคผ่าตัดเสริมกล้ามเนื้อรองรับที่ฐานอก ( MSMS)
ซิลิโคนมีรอยย่น ( Ripples) เกิดจาก การใส่ในชั้นเหนือกล้ามเนื้อ ในคนผิวบางหรือ ซิลิโคนบางรุ่นที่มีรอยย่นมาก ทางป้องกันคือ เสริมใต้กล้ามเนื้อ และ การเลือกชนิดซิลิโคนรุ่นใหม่ๆที่มีรอยย่นต่ำ
แผลนูน (hypertrophic scar) ป้องกันได้โดยเทคนิคการเย็บ วัสดุไหมเย็บที่ดี มีความแข็งแรง และการดูแลรักษาหลังผ่าตัดโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด
ตัวอย่างเคสเสริมหน้าอก รีวิวเคสทำนม PSC Clinic

คำถามที่มักพบบ่อย FAQ.
ประวัติและผลงานของแพทย์เฉพาะทาง PSC Clinic
