สารบัญเนื้อหา
- 0.1 เทคนิคเสริมจมูก วิธีเสริมจมูก Open ด้วยเทคนิคพิเศษ โดยการสร้างปลายกระดูกอ่อนจริง
- 0.2 และหากกล่าวถึงเทคนิกต่างๆในการเสริมจมูกในปัจจุบัน และข้อดี – ข้อเสีย สามารถแบ่งได้ 3 วิธี ดังนี้
- 1 วิธีที่ 1 วิธีเสริมจมูกด้วยซิลิโคนปกติ ( Simple Nasal implant)
- 2 วิธีที่ 2 เสริมจมูกซิลิโคน+ ครอบปลายด้วยกระดูกอ่อน ( Silicone implant+ cap graft)
- 3 วิธีที่ 3 วิธี Open Rhinoplasty+Recon( เสริมจมูกแบบปรับโครงสร้าง สร้างปลายกระดูกอ่อนจริง
เทคนิคเสริมจมูก วิธีเสริมจมูก Open ด้วยเทคนิคพิเศษ โดยการสร้างปลายกระดูกอ่อนจริง
หลายท่านคงเคยนึกสงสัยว่า การที่รูปทรงจมูกของแต่ละคนแตกต่างกันนั้นเพราะอะไร ทำไมจมูกบางคนถึงสวยได้รูปกว่าคนอื่น แท้ที่จริงแล้วโครงสร้างของจมูกนั่นเองที่แตกต่างกัน ซึ่งแนวคิดนี้คือ “ หากสามารถแก้ไขโครงสร้างทุกชนิดให้สวยใกล้เคียงกันได้ ย่อมสามารถปรับแต่งรูปทรงให้สวยแบบใดก็ได้เช่นกัน “
โครงสร้างของจมูก ประกอบไปด้วย

- กระดูกแข็ง (Bone ) ได้แก่ กระดูกสันจมูก ( nasal bone ) และกระดูกขากรรไกรบน ( upper maxilla ) ซึ่งสองอย่างนี้จะเป็นตัวกำหนดรูปทรงของจมูกทางด้านบน ( โคนจมูก ) และความกว้างหรือแคบของฐานจมูกทางด้านข้าง
- กระดูกอ่อน (Cartilages) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีความซับซ้อน และบอบบาง ประกอบด้ายกระดูกอ่อนชิ้นเล็กๆจำนวนมากประกอบเข้าด้วยกัน จะเป็นตัวกำหนดรูปทรงของจมูกส่วนล่าง ( Cartilaginous framework )และปลายจมูก ( Nasal Tip) ว่าจะสวยงามเพียงใด
- ชั้นผิวหนัง และไขมัน ( Soft tissue coverage ) จะเป็นตัวแปรสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้รูปทรงของปลายจมูกใหญ่ หรือเล็ก

รีวิวแก้จมูกแบบ Open กับ คุณ นิวเคลียร์ หรรษา ดาราคนดัง แก้จมูกแบบ Open&Recon ด้วยเทคนิคเฉพาะของ PSC Clinic
และหากกล่าวถึงเทคนิกต่างๆในการเสริมจมูกในปัจจุบัน และข้อดี – ข้อเสีย สามารถแบ่งได้ 3 วิธี ดังนี้
วิธีที่ 1 วิธีเสริมจมูกด้วยซิลิโคนปกติ ( Simple Nasal implant)
เสริมจมูก ด้วยซิลิโคนจรดปลายจมูก ( Conventional Nasal implant technique) หมายถึง การเหลาซิลิโคนให้ได้รูปทรง สอดไว้ใต้ผิวหนัง วางทับอยู่บนกระดูกสันจมูกและกระดูกอ่อนปลายจมูก ซึ่งเป็นวิธีเดิมที่ศัลยแพทย์ใช้กันมานานหลายสิบปี อย่างไรก็ตามเป็นที่รู้กันว่า ถ้าระยะเวลานานพอ เช่น 1-2 ปีขึ้นไป ไม่ว่าศัลยแพทย์จะระมัดระวังอย่างไร หรือราคาทำผ่าตัดแพงหลายหมื่นหลายแสนแค่ไหน ซิลิโคนจะนิ่มหรือยืดหยุ่นมากแค่ไหน ( Softness or durability )
หากไม่ปฏิเสธความจริงก็จะพบว่าสามารถเกิดปัญหาผิวหนังที่ปลายจมูกบางลงจนเกิดความไม่ธรรมชาติ มองเห็นซิลิโคนได้ หรือบางครั้งรุนแรงจนปลายจมูกทะลุได้ (ดังภาพ) และการจะแก้ไขให้กลับมาในสภาพที่ปกติหลังจากเกิดการทะลุนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก หรือทำไม่ได้เลย เพราะปลายจมูกจะหดสั้นลง มีการบุ๋มของเนื้อเยื่ออย่างถาวรจากผิวหนังที่บางมาก และแผลเป็นหดรั้งจากภายใน

ภาพเคสตัวอย่างเนื้อเยื่อที่ปลายจมูกบางลงจากการใส่ซิลิโคนที่ปลายจมูกหลังจาก 2-3 ปี

การทะลุปลายจมูกจากซิลิโคนผิวหนังหดตัวจากแผลเป็นรั้งเมื่อถอดซิลิโคนออก สาเหตุที่มักมีปัญหาการบางของผิวหนัง( Skin Atrophy ) เฉพาะที่ปลายจมูก เพราะ
- ปลายจมูกเป็นส่วนที่มีความตึงสูงสุด ( high tension ) เพราะเป็นส่วนที่ยื่นมากที่สุด ยิ่งเสริมซิลิโคนที่ปลาย แรงตึงนี้ก็จะสูงกว่าธรรมชาติมาก ซึ่งในความเป็นจริง ผิวหนังทุกส่วนของร่างกายจะตอบสนองต่อแรงตึงที่ผิดธรรมชาติจากการใส่วัสดุเทียม (Implant) โดยการฝ่อลงของชั้นผิวหนังและไขมัน เช่น เสริมจมูก เสริมหน้าอก เป็นต้น
- คนเราสัมผัสจมูกก็มักจะโดนปลายจมูกก่อน ไม่ว่าจะการขยี้จมูก ล้างหน้า สัมผัสต่างๆ ก็จะเกิดแรงถู
( Friction ) ที่ผิวหนัง ช่วยเร่งให้ผิวบริเวณนี้บางมากขึ้น ซึ่งอธิบายว่าทำไมบางครั้งเสริมปลายนิดเดียว ยังทะลุได้

ข้อดี คือ ค่าใช้จ่ายถูก ศัลยแพทย์ผ่าตัดได้รวดเร็ว
ข้อเสีย คือ ความเสียหายต่อเนื้อเยื่อโดยเฉพาะที่ปลายจมูกในระยะยาว อาจรุนแรงมากจนทะลุได้ เวลาสัมผัสที่ปลายจมูกยังรู้สึกถึงซิลิโคนได้ ไม่ธรรมชาติ
….
วิธีที่ 2 เสริมจมูกซิลิโคน+ ครอบปลายด้วยกระดูกอ่อน ( Silicone implant+ cap graft)
เสริมจมูก ด้วยซิลิโคนจรดปลายจมูก + วางกระดูกอ่อนเสริมเย็บครอบไว้ที่ปลายซิลิโคน ( Conventional Nasal implant technique + Cartilage graft ) ( ทาง PSC ไม่ได้ใช้วิธีนี้ ) หมายถึง การผ่าตัดตามข้อ 1 แต่เพิ่มการวางกระดูกอ่อนชิ้นหนึ่ง ครอบไว้หน้าต่อปลายแท่งซิลิโคน เพื่อลดปัญหาการบางหรือทะลุของผิวหนังปลายจมูก สามารถเพิ่มความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่อาจพบ คือ
2.1. หากผิวหนังปลายจมูกบางอยู่แล้วอาจจะทั้งในเคสทำใหม่ หรือเคสแก้ไข มีโอกาสสามารถมองเห็นลักษณะของชิ้นกระดูกอ่อนได้ชัดเจน ดูไม่ธรรมชาติ ( ดังภาพ )

(จากภาพ แสดงถึง ปัญหา visible graft หมายถึง การมองเห็นชิ้นกระดูกอ่อนที่ครอบไว้ปลายซิลิโคน เป็นวงนูน ไม่ธรรมชาติ)
2.2 มีโอกาสที่กระดูกอ่อนจะตาย หรือสลายไปได้ เนื่องจากเลือดที่สามารถเข้ามาเลี้ยงได้เพียงด้านเดียว คือด้านที่สัมผัสกับผิวหนัง เพราะอีกด้านหนึ่งวางอยู่บนซิลิโคนโดยตรง ไม่สามารถมีเลือดมาเลี้ยงได้ ( ดังภาพ ทั้งสองเคส พบว่าเมื่อกระดูกอ่อนสลายไปจึงมองเห็นซิลิโคนและผิวหนังที่ปลายบางเช่นเดิม )

การอยู่รอดของกระดูกอ่อนนั้น ทางแพทย์เรียกว่า grafting ชิ้นกระดูกอ่อนที่ย้ายมาจากที่อื่นเปรียบเสมือนกาฝาก ต้องการสารอาหารและเส้นเลือดใหม่จากเนื้อเยื่อรอบๆ จึงควรวางให้สัมผัสกับเนื้อเยื่อที่ดีโดยรอบให้มากที่สุด
ข้อดี คือ ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก การผ่าตัดทำได้รวดเร็ว เพราะไม่ต้องแก้โครงสร้างจมูก
ข้อเสีย คือ มีความเสี่ยงเรื่องการมองเห็นชิ้นกระดูกอ่อนเป็นวงที่ปลายจมูกมีโอกาสเกิดการสลายไปของกระดูกอ่อน และเวลาสัมผัสที่ปลายจมูกยังรู้สึกถึงซิลิโคนได้
…
วิธีที่ 3 วิธี Open Rhinoplasty+Recon
( เสริมจมูกแบบปรับโครงสร้าง สร้างปลายกระดูกอ่อนจริง
เสริมจมูก โดยการวางซิลิโคนหรือวัสดุอื่นเช่น Gore-tex เพื่อเสริมเฉพาะที่สันจมูก ร่วมกับการปรับแต่งโครงสร้างกระดูกอ่อนที่ปลายจมูกและการเสริมกระดูกอ่อนที่ปลายจมูก ( Nasal bridge implant + Nasal tip framework reshaping + cartilage graft ) ( หมอพีระได้นำมาพัฒนาต่อเนื่องจนปัจจุบันกลายเป็นเทคนิคเฉพาะ PSC Technique )
ซึ่งการปรับแต่งปลาย บางครั้งหมอเรียกย่อๆว่า Tip Modification แต่แท้ที่จริงแล้วคนที่วางคอนเซปท์เรื่องนี้นานมาแล้ว คือ Professor Jach H.Sheen ปัจจุบันอยู่ที่ California ,USA ซึ่งตอนนั้นนิยมใช้กระดูกอ่อนกั้นกลางจมูก ( Septum ) แต่ในปัจจุบันในวงการจะนิยมใช้กระดูกอ่อนจากส่วนหลังใบหู ( Concha ) หรือ กระดูกกั้นกลางจมูกก็ได้

( กระดูกอ่อนจะถูกแก้ไขเพื่อสร้างเป็นปลายใหม่ที่ได้รูปสวย )
วิธีนี้ในปัจจุบันได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะด้านเสริมจมูกและตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ระดับนานาชาติมากมาย และพิสูจน์แล้วว่ามีความปลอดภัยสูงที่สุดและคงทนถาวร เพราะสาเหตุดังนี้
- ซิลิโคนหรือวัสดุเสริมจมูก จะถูกวางในตำแหน่งที่ปลอดภัยและพบปัญหาน้อยมากคือที่สันจมูกเท่านั้น
- ที่ปลายจมูกซึ่งมีความเสี่ยงสูง ไม่มีการใช้ซิลิโคน แต่อาศัยการปรับแต่งโครงสร้างจริงเป็นหลัก ได้แก่ การปรับแต่งรูปทรงกระดูกอ่อนธรรมชาติ ทั้งขนาด การเรียงตัว มุมและองศาต่างๆ ความสั้นยาวของกระดูกอ่อนต่างๆ เพื่อให้เข้าใกล้กับโครงสร้างจมูกที่สวยที่สุดตามธรรมชาติ อาจร่วมกับการใช้กระดูกอ่อนเสริมที่ปลายจมูกเลียนแบบกระดูกอ่อนจริงตามธรรมชาติ จึงไม่พบปัญหาการมองเห็นวงของกระดูกอ่อนแม้ผิวหนังบางมากๆ หรือในงานแก้ไขเป็นต้น
- ผิวหนังที่ปลาย สามารถยืดตามกระดูกจริงได้ โดยไม่มีการบางลงระยะยาว เนื่องจากไม่เกิดการฝ่อตัว เพราะไม่ได้สัมผัสกับวัสดุเทียม
- กระดูกอ่อนที่ปลายจมูกเป็นลักษณะผสมผสาน ระหว่างกระดูกอ่อนจริงที่มีอยู่แล้ว กับย้ายกระดูกอ่อนมา และไม่มีการใช้ซิลิโคนแทรก จึงแทบไม่มีปัญหาเรื่องการฝ่อหรือสลายไปของกระดูกอ่อน แต่จำเป็นต้องมีความรู้และ เทคนิคในการดูแลกระดูกอ่อนเป็นอย่างดี
- โครงสร้างที่ใบหู หรือ กระดูกกั้นกลางจมูก จะไม่เสียรูปทรง เพราะนำส่วนที่ซ่อนอยู่ เฉพาะบางส่วนไปใช้เท่านั้น
ข้อดี ความคงทน สวยงามและปลอดภัยระยะยาว เวลาสัมผัสเป็นธรรมชาติเนื่องจากเป็นปลายกระดูกอ่อนจริง
ข้อเสีย ความซับซ้อนของการผ่าตัดสูงมากหลายเท่า ใช้เวลาผ่าตัดนานหลายชั่วโมง ค่าใช้จ่ายสูงผลลัพธ์ขึ้นกับเทคนิคค่อนข้างมาก และหากไม่ชำนาญการแก้ไขจะยากกว่าจึงต้องมีความแม่นยำสูง
กรณีการใช้กระดูกอ่อนเทียม เพื่อพยายามมาใช้แทนกระดูกอ่อนจริงนั้น วัสดุชนิดนี้แท้จริงคือ MEDPOR หรือ porous polyethylene จะมีรูพรุนให้เนื้อเยื่อเข้าไปยึดเกาะ หมอเลิกใช้ไปเมื่อหลายปีก่อนเนื่องจากพบปัญหาสำคัญคือ ยังมีโอกาสทะลุได้พอสมควร และปลายจมูกจะแข็งไม่มีการเคลื่อนไหวที่ดี (Stiffness) ปัจจุบันศัลยแพทย์ด้านทำจมูกที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศก็ไม่นิยมใช้เช่นกัน
สำหรับโดยส่วนตัว หมอชื่นชอบวิธีที่ 3 นี้ และใช้เป็นมาตรฐานในการผ่าตัดจมูก และได้ริเริ่มพัฒนามานาน ซึ่งที่ต่างประเทศก็มีการผ่าตัดลักษณะนี้อย่างแพร่หลายเช่นกันเนื่องจากปลอดภัยกว่าวิธีเดิม หมอได้นำมาใช้กับคนไข้ตนเองตั้งแต่ยุคที่ในเมืองไทยยังไม่ค่อยรู้จัก บางศัลยแพทย์จึงยังออกความเห็นต่อต้านสิ่งเหล่านี้อยู่ ตอนที่มีสื่อมาสัมภาษณ์ก็เกิดกระแสต่อต้านรุนแรงพอสมควร หมออดทนพัฒนาเรื่อยมาให้ได้งานที่สมบูรณ์ และปัจจุบันกลายเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปแล้ว ที่คลินิกเองคนไข้จะมาปรึกษาเรื่องการผ่าตัดจมูกชนิดนี้เป็นหลัก จนแทบจะยกเลิกการผ่าตัดสองวิธีแรกไปแล้ว ทั้งที่แต่ก่อนหมอก็ชอบใช้ซิลิโคนเสริมจมูก และเห็นว่าสะดวกดี
ข้อจำกัดคือ ความซับซ้อนในการผ่าตัดซึ่งมากกว่าปกติหลายเท่า ใช้เวลาผ่าตัดนานเกือบ 3.5 ชั่วโมง/ราย ที่ PSC จึงรับเคสเพียงวันละ 1 รายเท่านั้น ยิ่งเคสแก้ไขยิ่งยากทวีคูณเพราะเซนสิทีฟมาก เพราะโครงสร้างทุกอย่างต้องซ่อมส่วนที่เสียหายจากซิลิโคนเดิมเสียก่อนและผิวหนังก็มักจะบางมาก
ในแง่ของคนไข้เอง คนที่สนใจในการผ่าตัดชนิดนี้ก็ควรสอบถามศัลยแพทย์ของตนในรายละเอียดว่าการผ่าตัดเสริมจมูกเป็นวิธีไหนในระหว่าง 3 วิธีดังกล่าว และอาจต้องตัดสินใจในแง่ของความเสี่ยง ข้อดี ข้อเสีย และ ค่าใช้จ่ายที่ตนเองยอมรับได้ด้วยเช่นกันครับ




คุณหมอพีระ ได้รับเชิญจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ปี 2020 บรรยายวิชาการ 2 เรื่อง คือ “เทคนิคการผ่าตัดเสริมหน้าอก” และ “การผ่าตัดเสริมจมูกด้วยการสร้างปลายกระดูกอ่อนจริง ”



นพ.พีระ เทียนไพฑูรย์ ( Peera Thienpaitoon,MD )
Plastic surgeon and director of PSC_ Plastic Surgery Center Thailand )
• แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรมตกแต่ง ศัลยกรรมหน้าอก( Breast surgery) และศัลยกรรมจมูกและใบหน้า ( Nose& Facial surgery ) ประสบการณ์มากกว่า 15 ปี
• สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย
• สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งความงามนานาชาติ
• International Society of Aesthetic Plastic Surgery (ISAPS)
• สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งด้านจมูกแห่งเอเชีย ( Rhinoplasty Surgeon Society of Asia)
• วิทยากร บรรยายด้านศัลยกรรมตกแต่งเต้านม ทั้งในและต่างประเทศ
อ่านประวัติแพทย์เพิ่มเติม click !